Key Takeaway
- อิฐมวลเบามีคุณสมบัติพิเศษหลายประการ ได้แก่ น้ำหนักเบากว่าอิฐชนิดอื่น 2 – 4 เท่า ขนาดใหญ่และมาตรฐาน กันความร้อนและเสียงได้ดี ทนไฟได้นานกว่า 4 ชั่วโมง พื้นผิวเรียบ ทำให้ฉาบได้เรียบเนียน แข็งแรง ทนทาน ไม่แตกหักง่าย และเหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย
- อิฐบล็อกมีคุณสมบัติเด่นทั้งขนาดใหญ่ ราคาถูก เหมาะสำหรับงานก่อผนังทั่วไป แข็งแรง ทนทาน และทนต่อสภาพอากาศได้ดี แต่มีข้อเสียคือ มีโอกาสรั่วซึมสูง น้ำหนักมากกว่าอิฐชนิดอื่น แตกหักง่ายและมีรูพรุนเยอะ ไม่เหมาะกับงานเดินท่อไฟฟ้าหรือท่อประปาภายในผนัง
- ปัจจัยที่มีผลต่อราคาอิฐ คือประเภทของอิฐ ขนาด ความหนาของอิฐ ตามด้วยยี่ห้อ ผู้ผลิตอิฐ มาตรฐานในการผลิต และช่องทางและปริมาณในการสั่งซื้อก็มีผลต่อราคาอิฐ หากใช้อิฐมวลเบาก็จะมีราคาที่สูงกว่าอิฐบล็อก
- เทคนิคเลือกอิฐให้เหมาะกับการใช้งานและคุ้มค่า ควรเริ่มจากพิจารณาจากวัตถุประสงค์ในการก่อสร้างและงบประมาณที่มี เพื่อให้ได้วัสดุที่ตรงตามความต้องการและคุ้มค่าที่สุด อิฐมวลเบาจะเหมาะสำหรับงานก่อผนังที่ต้องการความทนทานสูง ส่วนอิฐบล็อกเหมาะสำหรับงานก่อผนังทั่วไป
การเลือกวัสดุก่อสร้างสำหรับก่ออาคารหรือก่อผนังเป็นสิ่งสำคัญ โดยอิฐมวลเบากับอิฐบล็อกเป็นวัสดุก่อสร้างที่ต่างได้รับความนิยมใช้ในงานก่อผนัง ก่ออาคาร อิฐมวลเบามีคุณสมบัติโดดเด่นที่น้ำหนักเบา เป็นฉนวนทนไฟได้ดี แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการที่ทำให้ใครหลายคนต้องพิจารณาก่อนเลือกใช้ เช่น ราคาที่สูงกว่า บทความนี้มาอธิบายเกี่ยวกับอิฐมวลเบา กับอิฐบล็อกราคาเท่าไร แตกต่างกันอย่างไร

อิฐมวลเบาคืออะไร และทำไมจึงได้รับความนิยม
อิฐมวลเบา คือวัสดุก่อผนังที่ผลิตจากปูนซีเมนต์ ทราย ปูนขาว ยิปซัม ผงอะลูมิเนียม และน้ำ สารประกอบเหล่านี้จะทำปฏิกิริยาจนเกิดฟองอากาศเล็กๆ กระจายอยู่ทั่วเนื้ออิฐ ทำให้มีน้ำหนักเบาและแข็งแรง เหมาะสำหรับการก่อสร้างอาคารและบ้านพักอาศัยยุคใหม่
คุณสมบัติพิเศษของอิฐมวลเบาที่ต่างจากอิฐชนิดอื่น
- น้ำหนักเบากว่าอิฐชนิดอื่น 2 – 4 เท่า ช่วยลดภาระโครงสร้างและประหยัดงบประมาณ
- ขนาดใหญ่และมาตรฐาน ทำให้งานก่อสร้างเร็วกว่าถึง 2 – 3 เท่า
- กันความร้อนได้ดี เป็นฉนวนกันความร้อน ลดอุณหภูมิภายในได้ 4 – 8 เท่า ประหยัดค่าไฟฟ้าในการใช้เครื่องปรับอากาศได้ถึง 25 – 30%
- กันเสียงได้ดี สามารถลดเสียงรบกวนภายในและภายนอกอาคาร ได้ถึง 43 เดซิเบล
- ทนไฟได้นานกว่า 4 ชั่วโมง ป้องกันไฟลามและเพิ่มความปลอดภัยสูงในกรณีเกิดเหตุไฟไหม้
- พื้นผิวเรียบ ทำให้ฉาบได้เรียบเนียน และก่อสร้างง่าย ลดเวลาและค่าแรง
- มีความแข็งแรงและทนทาน ไม่แตกหักง่าย แม้ต้องรับน้ำหนักมาก
- ผ่านการอบไอน้ำด้วยแรงดันสูง ทำให้โครงสร้างมีความแน่นและมีคุณสมบัติเป็นฉนวนที่ดี
- สามารถเจาะแขวนของบนผนังได้ง่ายด้วยพุกเฉพาะอิฐมวลเบา
- เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย เพราะทนแดดและฝนได้ดี
อิฐมวลเบามีกี่ขนาด เหมาะกับงานแบบใดบ้าง
- ความหนา 7.0 – 7.5 ซม. เหมาะสำหรับงานผนังกั้นเบา เช่น ผนังภายในที่ไม่รับน้ำหนักมาก หรือกั้นห้อง
- ความหนา 10 ซม. เหมาะกับงานผนังภายนอกที่ต้องการความแข็งแรงและทนทานมากขึ้น
- ความหนา 12.5 ซม. ใช้สำหรับผนังบ้านทั่วไป ที่รับน้ำหนักได้ดีและกันเสียงได้ดี
- ความหนา 15 ซม. เหมาะสำหรับผนังบ้านที่ต้องการความแข็งแรงสูงขึ้น เช่น อาคาร 1-2 ชั้น
- ความหนา 17.5 – 20 ซม. เหมาะสำหรับโครงสร้างอาคารขนาดใหญ่หรือผนังที่ต้องรับน้ำหนักมาก
- ความหนา 25 ซม. ใช้ในงานก่อสร้างที่ต้องการความทนทานสูงสุด หรือผนังที่รับน้ำหนักมาก เช่น อาคารสูงหรือผนังกันไฟ

ทำความรู้จักกับอิฐบล็อก แตกต่างจากอิฐมวลเบาอย่างไร
อิฐบล็อกคือวัสดุก่อสร้างที่ทำจากปูนซีเมนต์ผสมทราย มีลักษณะเป็นก้อนขนาดใหญ่และมีรูตรงกลาง ทำให้น้ำหนักเบาและช่วยถ่ายเทความร้อนได้ดี อิฐบล็อกราคาถูกและก่อสร้างได้รวดเร็ว เหมาะสำหรับงานก่อผนังทั่วไปทั้งภายในและภายนอก
คุณสมบัติอิฐบล็อกมีอะไรบ้าง
- ขนาดใหญ่ ทำให้งานก่อสร้างรวดเร็วและประหยัดเวลา
- ราคาถูก เหมาะสำหรับงานก่อผนังทั่วไป เช่น อาคาร โรงงาน โกดัง
- มีความแข็งแรงและทนทาน สามารถรับแรงกดทับได้ดี
- สามารถเจาะแขวนของบนผนังได้โดยใช้พุกธรรมดา
- ทนต่อสภาพอากาศ เช่น แดดและฝนในประเทศไทยได้ดี
- น้ำหนักมากกว่าวัสดุอื่น และมีความหนาแน่นสูง
ข้อจำกัดของอิฐบล็อก
- มีโอกาสรั่วซึมสูง หากไม่ได้ฉาบปูนอย่างหนาและละเอียดเพื่อป้องกันการรั่วซึม
- มีน้ำหนักมากกว่าอิฐชนิดอื่น จึงเพิ่มภาระโครงสร้าง
- ขนาดไม่เป็นมาตรฐานมากนัก ต้องใช้ปูนฉาบหนาประมาณ 2 – 3 เซนติเมตร เพื่อทำให้ผนังเรียบเนียน
- แตกหักง่ายและมีรูพรุนเยอะ จึงต้องใช้ช่างที่มีความชำนาญในการก่อสร้างมากกว่าวัสดุประเภทอื่น
- รับน้ำหนักเจาะแขวนได้น้อย ไม่เหมาะกับการติดตั้งของหนักบนผนัง
- ไม่เหมาะกับงานเดินท่อไฟฟ้าหรือท่อประปาภายในผนัง เนื่องจากเปราะและแตกหักง่าย
- ไม่เหมาะสำหรับงานห้องน้ำหรือผนังที่สัมผัสน้ำบ่อย เพราะมีโอกาสรั่วซึมสูง
- การก่อสร้างต้องทำด้วยความระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในระยะยาว เช่น รอยร้าวหรือความเสียหายของผนัง

สำรวจราคาอิฐแต่ละชนิด แตกต่างกันอย่างไร
ปัจจัยที่มีผลต่อราคาอิฐ
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาของอิฐ คือประเภทของอิฐ โดยอิฐมวลเบามีราคาสูงกว่าอิฐบล็อก เนื่องจากคุณสมบัติที่โดดเด่น เช่น น้ำหนักเบา กันความร้อน กันเสียง และมีความแข็งแรงทนทานมากกว่า และขนาดและความหนาของอิฐก็มีผลเช่นกัน ยิ่งอิฐบล็อกกับอิฐมวลเบามีขนาดใหญ่หรือหนามาก ราคาก็จะยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วย เพราะใช้วัตถุดิบในการผลิตมากกว่า
นอกจากนี้ แบรนด์และมาตรฐานการผลิตก็มีผลต่อราคาเช่นกัน หากอิฐได้รับรองมาตรฐานอุตสาหกรรมหรือมีคุณภาพสูง ราคาก็จะสูงกว่ายี่ห้อทั่วไป ในขณะที่การสั่งซื้อในปริมาณมากหรือแบบเหมาเที่ยวรถจะได้ราคาที่ถูกลง ส่วนค่าขนส่งก็จะขึ้นอยู่กับระยะทางและวิธีการจัดส่ง ช่องทางการซื้อก็มีส่วนในการกำหนดราคา การซื้อจากโรงงานโดยตรงหรือตัวแทนจำหน่ายมักจะได้ราคาที่ดีกว่าการซื้อผ่านคนกลางหรือร้านค้าทั่วไป
เปรียบเทียบราคาอิฐแต่ละชนิด
มาดูและเปรียบเทียบกันว่าอิฐแต่ละชนิด ทั้งอิฐมวลเบา กับอิฐบล็อก แต่ละขนาดมีราคาแตกต่างกันอย่างไรบ้าง เพื่อประกอบการพิจารณาก่อนเลือกซื้อให้ตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด
| ชนิดของอิฐ | ขนาด (ซม.) | ราคาต่อก้อน (บาท) |
| อิฐมวลเบา 7.5 ซม. | 20 x 60 x 7.5 | 17 – 21 บาท |
| อิฐมวลเบา 10 ซม. | 20 x 60 x 10 | 25 – 30 บาท |
| อิฐมวลเบา 20 ซม. | 20 x 60 x 20 | 52 – 60 บาท |
| อิฐบล็อก 7 ซม. | 19 x 39 x 7 | 4 – 6 บาท |
| อิฐบล็อก 9 ซม. | 19 x 39 x 9 | 7 – 9 บาท |
| อิฐบล็อก 14 ซม. | 19 x 39 x 14 | 10 – 16 บาท |
เคล็ดลับเลือกใช้อิฐให้คุ้มค่าและเหมาะสมกับการใช้งาน
ในการเลือกใช้อิฐ ควรพิจารณาจากวัตถุประสงค์ในการก่อสร้างและงบประมาณที่มี เพื่อให้ได้วัสดุที่ตรงตามความต้องการและคุ้มค่าที่สุด โดยอิฐมวลเบากับอิฐบล็อกต่างกันตรงที่อิฐมวลเบาจะเหมาะสำหรับงานก่อผนังที่ต้องการความทนทานสูง ต้องการคุณสมบัติพิเศษในด้านการเป็นฉนวนกันความร้อนและเสียงได้ดี และช่วยลดน้ำหนักโครงสร้าง เหมาะสำหรับบ้านหลายชั้นหรืออาคารที่ต้องการความสวยงามและแข็งแรง
ส่วนอิฐบล็อกจะเหมาะสำหรับงานก่อผนังทั่วไปที่เน้นความประหยัดและรวดเร็วในการก่อสร้าง ตัวอิฐมีคุณสมบัติแข็งแรง ทนทาน เหมาะสำหรับอาคารหรือโรงงานที่ไม่จำเป็นต้องมีคุณสมบัติกันความร้อนและเสียงมากนัก
สรุป
อิฐมวลเบากับอิฐบล็อกคือวัสดุก่อผนังยอดนิยมที่แตกต่างกันในด้านคุณสมบัติ อิฐมวลเบาผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้มีน้ำหนักเบาและเป็นฉนวนกันความร้อนและเสียงได้ดี เหมาะกับบ้านที่ต้องการความทนทานสูง ส่วนอิฐบล็อกผลิตจากปูนซีเมนต์ผสมทราย มีราคาถูกและก่อสร้างได้รวดเร็ว จึงเหมาะกับงานก่อสร้างทั่วไปที่เน้นความประหยัดและไม่ได้ต้องการคุณสมบัติพิเศษมากนัก การเลือกใช้อิฐจึงขึ้นอยู่กับลักษณะงานและงบประมาณเป็นสำคัญ
หนึ่งในตัวเลือกสำหรับวัสดุก่อสร้างที่น่าสนใจด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นอย่างอิฐบล็อกเบาจาก Ecomat ที่ตอบโจทย์งานก่อสร้างได้ดี ทั้งน้ำหนักเบา ช่วยลดต้นทุนในการก่อสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ได้โครงสร้างที่แข็งแรง นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติทนไฟ และป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้เป็นอย่างดี ทำให้อิฐบล็อกเบาเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ
FAQ – คำถามที่พบบ่อย
อิฐบล็อกกับอิฐมวลเบามีราคาที่แตกต่างกัน ตามขนาด ความหนา ประเภทของอิฐ โดยสามารถเลือกได้ตามการใช้งาน แต่อาจยังมีข้อสงสัยเพิ่มเติม วันนี้จึงได้รวบรวมคำถามและคำตอบที่พบบ่อยเพื่อให้เข้าใจมากขึ้น
พื้นที่ 1 ตารางเมตรใช้อิฐมวลเบากี่ก้อน
สำหรับพื้นที่ 1 ตารางเมตร จะใช้อิฐมวลเบาประมาณ 8.33 – 9 ก้อน โดยคำนวณจากขนาดพื้นที่จริงของผนังที่ต้องการก่อ และควรเผื่อเพิ่มประมาณ 5 – 10% เผื่อสำหรับเศษวัสดุและการตัดแต่งเพื่อความแม่นยำในการใช้งาน
อิฐมวลเบา VS. อิฐบล็อก อิฐไหนดีกว่า
อิฐมวลเบามีน้ำหนักเบา จึงช่วยลดภาระโครงสร้างและประหยัดงบประมาณ โดดเด่นเรื่องคุณสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อนและเสียงได้ดี เหมาะอย่างยิ่งสำหรับอาคารสูง หรือบ้านที่ต้องการความทนทานและความสวยงาม
ในขณะที่อิฐบล็อกมีราคาถูกและมีขนาดก้อนใหญ่ ทำให้งานก่อสร้างรวดเร็ว เหมาะกับงานอาคารทั่วไป โรงงาน หรือโครงการที่เน้นการควบคุมงบประมาณเป็นพิเศษ แต่มีข้อจำกัดเรื่องการกันน้ำและเสียงที่ไม่ดีเท่าอิฐมวลเบา
อิฐมวลเบา 7.5 ซม. ใช้กี่ก้อนต่อตารางเมตร
อิฐมวลเบาขนาด 7.5 ซม. (20 x 60 ซม.) ใช้ประมาณ 8.33 ก้อนต่อตารางเมตร โดยปกติจะเผื่อเพิ่มเติมอีกประมาณ 5-10% สำหรับตัดแต่งและกรณีผิดพลาด เพื่อให้เพียงพอต่อการก่อผนัง












