Key Takeaway
- อิฐมวลเบาเป็นวัสดุก่อสร้างที่มีน้ำหนักเบาและเป็นฉนวนกันความร้อนและเสียงได้ดี ทนไฟ เหมาะกับงานก่อผนังอาคารและบ้านพักที่ต้องการประสิทธิภาพเรื่องความร้อนและเสียง และช่วยลดน้ำหนักโครงสร้าง เพิ่มความรวดเร็วในการก่อสร้าง
- อุปกรณ์ก่ออิฐมวลเบา ควรเตรียมดังนี้ อิฐมวลเบา ปูนก่ออิฐมวลเบา ปูนทราย เกรียงก่ออิฐมวลเบา และเส้นเอ็น
- วิธีก่ออิฐมวลเบาด้วยตัวเอง เริ่มจากทำความสะอาดพื้นที่ที่ต้องการก่ออิฐ กำหนดเส้นแนวสำหรับก่ออิฐ จากนั้นนำปูนป้ายบนอิฐด้วยเกรียง และจัดระดับให้เสมอกันในชั้นแรก และก่ออิฐ
- เคล็ดลับเพิ่มเติมในการก่ออิฐมวลเบา คือใช้ค้อนยางเคาะเบาๆ เพื่อปรับระดับอิฐ และควรก่ออิฐโดยวางแนวชิดติดเสาโครงสร้าง ใช้เหล็กเส้นหรือแผ่นเหล็กยึด และควรก่อแถวแรกให้เสร็จทุกแนวก่อนเพื่อให้ปูนทรายแข็งตัว
อิฐมวลเบาเป็นวัสดุก่อสร้างที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ด้วยคุณสมบัติเฉพาะที่ทนน้ำ ทนไฟ และสามารถกันความร้อนได้ดี ทำให้เป็นวัสดุที่เหมาะสำหรับงานก่อสร้างต่างๆ นอกจากนี้หลายคนที่กำลังมีแพลนจะสร้างบ้าน อาจมีความสนใจหาวิธีก่ออิฐมวลเบาด้วยตัวเอง เพื่อประหยัดงบประมาณในการสร้างบ้าน และสามารถควบคุมคุณภาพได้ด้วยตัวเอง โดยบทความนี้ได้แนะนำเทคนิคการก่ออิฐมวลเบาด้วยตัวเอง พร้อมอุปกรณ์ที่ควรใช้ เทคนิค วิธีก่อ เพื่อบ้านที่แข็งแรง คงทน
ทำความเข้าใจก่อนเริ่มก่ออิฐมวลเบา
อิฐมวลเบาเป็นวัสดุก่อสร้างที่ผลิตจากซีเมนต์ ปูนขาว ทรายบดละเอียด และผงอะลูมิเนียม ซึ่งมีการผสมสารทำให้เกิดฟองอากาศจำนวนมากภายในเนื้ออิฐ ทำให้อิฐมีน้ำหนักเบาและเป็นฉนวนกันความร้อนและเสียงได้ดี โดดเด่นด้วยความทนทานและทนไฟ เหมาะกับงานก่อผนังอาคารและบ้านพักที่ต้องการประสิทธิภาพเรื่องความร้อนและเสียง อีกทั้งช่วยลดน้ำหนักโครงสร้างและเพิ่มความรวดเร็วในการก่อสร้าง
อุปกรณ์ที่ใช้ก่ออิฐมวลเบามีอะไรบ้าง
วิธีก่ออิฐมวลเบาด้วยตัวเองควรเริ่มจากการเตรียมอุปกรณ์ก่ออิฐมวลเบาให้ครบถ้วน เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพ แข็งแรง ทนทาน โดยอุปกรณ์ที่ต้องเตรียมในการก่ออิฐมวลเบา มีดังนี้
- อิฐมวลเบา คำนวณจำนวนก้อนที่ต้องใช้จากขนาดของผนังหรือพื้นที่ก่อสร้าง เพื่อเตรียมอิฐให้เพียงพอกับงานที่วางแผนไว้
- ปูนก่ออิฐมวลเบา ใช้ปูนชนิดพิเศษที่มีคุณสมบัติคล้ายปูนกาว ช่วยให้ยึดเกาะกับอิฐได้แน่นและแข็งแรงกว่าปูนทรายทั่วไป โดยควรผสมในอัตราส่วน ปูนก่ออิฐมวลเบา 2.5 ส่วน ต่อ น้ำสะอาด 1 ส่วน เพื่อให้ได้ความหนืดที่เหมาะสม
- ปูนทราย ใช้สำหรับปรับระดับพื้นในแถวอิฐชั้นแรก เพื่อให้แนวผนังเรียบและได้ระดับก่อนเริ่มก่อชั้นถัดไป
- เกรียงก่ออิฐมวลเบา เครื่องมือสำหรับตักและเกลี่ยปูนให้สม่ำเสมอ ช่วยควบคุมปริมาณปูนก่ออิฐมวลเบาที่ใช้ในแต่ละแนวได้อย่างแม่นยำ
- เส้นเอ็น ใช้ขึงเป็นแนวเพื่อกำหนดระดับการก่ออิฐให้ตรงและเท่ากันในทุกชั้น ช่วยให้งานออกมาสวยงามและมีความแม่นยำ
ขั้นตอนการก่ออิฐมวลเบา ต้องเริ่มจากอะไร?
เมื่อเตรียมอุปกรณ์ครบถ้วนแล้ว มาดูกันว่าขั้นตอนวิธีก่ออิฐมวลเบาควรเริ่มจากอะไร
1. ทำความสะอาดพื้นที่
วิธีก่ออิฐมวลเบาด้วยตัวเองเริ่มต้นด้วยการทำความสะอาดพื้นที่หน้างานหรือพื้นที่ที่ต้องการก่ออิฐ โดยกำจัดเศษปูน เศษหิน และฝุ่นละอองต่างๆ ที่อาจรบกวนการยึดเกาะของปูน เนื่องจากพื้นผิวที่สะอาดจะช่วยให้การก่ออิฐมวลเบาแน่นขึ้น แข็งแรง และได้คุณภาพตามต้องการ ลดความเสียหายที่อาจเกิดจากการก่ออิฐที่ไม่มีประสิทธิภาพ
2. กำหนดเส้นแนวสำหรับก่ออิฐ
จากนั้นวัดระยะและกำหนดแนวผนังในแนวราบและแนวดิ่งให้ชัดเจน โดยใช้เครื่องมืออย่างบักเต้าตีเส้นเป็นแนวเพื่อให้งานก่ออิฐเป็นระเบียบและตรงแนวทุกชั้น เมื่อกำหนดเสร็จแล้วให้ราดน้ำบนพื้นเล็กน้อย เพื่อเตรียมเข้าสู่ขั้นตอนการก่ออิฐต่อไป
3. นำปูนป้ายบนอิฐ
หลังจากกำหนดเส้นแนวสำหรับก่ออิฐและราดน้ำบนพื้นแล้ว ให้นำปูนที่ผสมไว้ มาป้ายบนอิฐมวลเบาโดยใช้เกรียง สำหรับการก่ออิฐมวลเบาแถวแรกควรใช้ปูนทรายปรับระดับพื้นให้เรียบก่อน จากนั้นจึงเริ่มก่ออิฐแถวแรกตามแนวที่กำหนดไว้
4. จัดระดับให้เสมอกันและก่ออิฐ
เมื่อก่อแถวแรกเรียบร้อยแล้ว ให้ก่ออิฐมวลเบาต่อขึ้นไปพร้อมขึงเอ็นทุก 2 – 3 แถว เพื่อควบคุมแนวผนังให้ตรงตามมาตรฐาน ระหว่างก่อควรใช้ระดับน้ำตรวจสอบความเรียบและใช้ค้อนยางเคาะปรับแนวอิฐให้สม่ำเสมอ เพื่อให้ผนังได้รูป สวยงาม และแข็งแรง
เคล็ดลับก่ออิฐมวลเบาด้วยตัวเองให้แข็งแรง สวยงาม
เคล็ดลับวิธีเพิ่มเติมสำหรับก่ออิฐมวลเบาด้วยตัวเองควรลองใช้ค้อนยางเคาะเบาๆ ช่วยปรับระดับอิฐให้ได้ระนาบเรียบและแนวตรงได้แม่นยำขึ้น ควรใช้เกรียงป้ายปูนให้เนื้อปูนสม่ำเสมอทั่วพื้นผิวติดกับอิฐเพื่อการยึดเกาะที่ดี และควรก่อแถวแรกให้เสร็จทุกแนวก่อนเพื่อให้ปูนทรายแข็งตัวช่วยให้แผ่นผนังแน่นทนทาน นอกจากนี้ ควรก่ออิฐโดยวางแนวชิดติดเสาโครงสร้าง และใช้เหล็กเส้นหรือแผ่นเหล็กยึดเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและลดปัญหาการแตกร้าวของผนัง
ส่วนการฉาบอิฐมวลเบาให้ไม่มีปัญหาแตกร้าวภายหลัง ควรติดตั้งลวดกรงไก่ เพื่อเสริมแรงยึดเกาะของผนัง ป้องกันการแตกร้าวและหลุดร่อน และควรราดน้ำบนผิวอิฐก่อนฉาบ ช่วยลดการดูดซึมน้ำจากปูนฉาบ ป้องกันการแตกร้าวและช่วยให้ปูนติดแน่นยิ่งขึ้น
ข้อดีของอิฐมวลเบาที่มือใหม่ควรรู้
อิฐมวลเบาเป็นวัสดุก่อสร้างที่มีคุณสมบัติเฉพาะ เหมาะสำหรับการก่อสร้างสมัยใหม่ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการก่อสร้าง และยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มาดูกันว่าข้อดีของอิฐมวลเบามีอะไรบ้าง
น้ำหนักเบา
อิฐมวลเบามีน้ำหนักเบากว่าอิฐมอญหรือคอนกรีตบล็อกที่มีขนาดเท่ากัน จึงช่วยลดภาระบนโครงสร้างอาคาร ทำให้สามารถออกแบบเสา คาน และฐานรากให้เล็กลงได้ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านโครงสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยคุณสมบัตินี้ อิฐมวลเบาจึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับอาคารสูง งานต่อเติม หรือพื้นที่ที่ต้องการลดน้ำหนักบนโครงสร้างเดิมที่มีข้อจำกัดด้านการรับน้ำหนัก
กันความร้อนและเสียงรบกวนได้ดี
อิฐมวลเบาโดดเด่นด้วยโครงสร้างภายในที่เต็มไปด้วยฟองอากาศขนาดเล็กจำนวนมาก ทำให้มีคุณสมบัติเป็น ฉนวนกันความร้อน โดยมีค่าการนำความร้อนต่ำกว่าอิฐทั่วไปถึง 4 – 6 เท่า สามารถช่วยป้องกันความร้อนจากภายนอกเข้าสู่ภายในอาคาร ลดภาระการทำงานของเครื่องปรับอากาศ และช่วยประหยัดพลังงานได้ถึง 30 – 40% เหมาะอย่างยิ่งสำหรับอาคารในเขตร้อน และเหมาะสำหรับการใช้งานเป็นผนังภายนอก
นอกจากนี้ อิฐมวลเบายังมีคุณสมบัติในการกันเสียงได้ดีจากโครงสร้างที่เป็นรูพรุน ช่วยดูดซับเสียงและลดการสะท้อน จึงเหมาะสำหรับอาคารที่ต้องการความเงียบสงบ ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง
ติดตั้งง่าย
เนื่องจากอิฐมวลเบามีขนาดที่ใหญ่กว่าอิฐทั่วไป จึงสามารถทำได้รวดเร็วกว่า นอกจากนี้ยังสามารถตัด เจาะ หรือขุดร่องได้ง่ายด้วยเครื่องมือพื้นฐาน ทำให้สะดวกต่อการเดินท่อหรือสายไฟภายในผนัง ลดขั้นตอนและเวลาทำงานลง เหมาะสำหรับโครงการที่ต้องการความรวดเร็วในการก่ออิฐมวลเบาหรือมีข้อจำกัดด้านเวลา
ทนไฟ
อิฐมวลเบามีคุณสมบัติในการทนไฟได้นานกว่า 4 ชั่วโมง ช่วยชะลอการลุกลามของเปลวไฟในกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ จึงเพิ่มโอกาสในการอพยพและควบคุมเพลิงได้ทันท่วงที เป็นจุดเด่นด้านความปลอดภัยที่สำคัญ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับอาคารสูง อาคารสาธารณะ หรือสถานที่ที่ต้องการมาตรฐานด้านความปลอดภัยสูงเป็นพิเศษ
สรุป
อิฐมวลเบาเป็นวัสดุก่อสร้างที่มีน้ำหนักเบาและเป็นฉนวนกันความร้อนและเสียงได้ดี จุดเด่นคือความทนทานและทนไฟ อุปกรณ์ก่ออิฐมวลเบาที่ต้องใช้ ได้แก่ อิฐมวลเบา ปูนก่อเฉพาะ ปูนทราย เกรียง และเส้นเอ็น ส่วนวิธีก่ออิฐมวลเบาด้วยตัวเองเริ่มจากทำความสะอาดพื้นที่ กำหนดเส้นแนว ป้ายปูนบนอิฐ จัดระดับและก่ออิฐตามแนวให้เรียบร้อย ข้อดีหลักของอิฐมวลเบาคือ น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย กันความร้อนและเสียงได้ดี และทนไฟสูง เหมาะกับงานก่อสร้างที่เน้นความรวดเร็วและปลอดภัย
หากกำลังศึกษาวิธีก่ออิฐมวลเบาด้วยตัวเองอย่างถูกต้อง ควรมองหาอิฐบล็อกเบาที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัวจาก Ecomat ทั้งประหยัดเวลา ติดตั้งรวดเร็ว ลดภาระของโครงสร้างอาคาร มีน้ำหนักเบา ตอบโจทย์ทั้งผู้อยู่อาศัยและผู้ก่อสร้าง เหมาะสำหรับงานก่อสร้างอาคารหลากหลายรูปแบบทั้งบ้านพักอาศัย อาคารพาณิชย์ และอาคารสำนักงาน
FAQ – คำถามที่พบบ่อย
หลายคนอาจมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีก่ออิฐมวลเบาด้วยตัวเอง ทั้งการก่ออิฐมวลเบา การฉาบอิฐมวลเบา วันนี้ได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยพร้อมด้วยคำตอบที่ช่วยให้เข้าใจมากขึ้นกัน!
อิฐมวลเบาต้องแช่น้ำก่อนก่อไหม?
โดยปกติแล้ว อิฐมวลเบาไม่จำเป็นต้องแช่น้ำก่อนก่อเหมือนอิฐมอญ เนื่องจากมีคุณสมบัติในการดูดซึมน้ำต่ำ การแช่น้ำก่อนก่อจึงไม่จำเป็นและอาจทำให้ขั้นตอนการทำงานยุ่งยากขึ้นได้
อิฐมวลเบาต้องมีเอ็นทับหลังหรือไม่?
อิฐมวลเบาโดยทั่วไปถ้าก่อผนังในขนาดพื้นที่ไม่เกินเกณฑ์ เช่น อิฐมวลเบาหนา 7.5 ซม. ก่อผนังไม่เกิน 10 ตร.ม. หรือหนา 10 ซม. ก่อไม่เกิน 16 ตร.ม. ไม่จำเป็นต้องมีเอ็นทับหลังหรือเสาเอ็นแยกโดยเฉพาะ แต่หากผนังมีช่องเปิดเช่นหน้าต่างหรือประตู หรือต้องการเจาะเพิ่มภายหลัง ต้องมีการทำเอ็นทับหลัง (เสาเอ็นและคานเอ็น) เพื่อรับน้ำหนัก ป้องกันการแตกร้าว และป้องกันวงกบบิดตัวจากน้ำหนักบนผนังที่กดทับ
ฉาบอิฐมวลเบาต้องรดน้ำไหม?
การฉาบอิฐมวลเบาควรรดน้ำผนังก่อนฉาบให้ผนังชุ่มหมาดเพื่อช่วยให้ปูนฉาบยึดเกาะดีกว่า และไม่ควรฉาบตอนที่ผนังเปียกชุ่มจนเกินไป เพราะจะทำให้ปูนไม่ติดดี นอกจากนี้ หลังฉาบควรรดน้ำบ่มผนังเป็นประจำประมาณ 3 – 7 วัน เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและลดปัญหาผนังแตกร้าว โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อนหรือมีลมแรงควรรดน้ำบ่อยขึ้น