FAQ

ทำไม อิฐเบา Ecomat ถึงเป็นนวัตกรรม?
  1. ใช้วัสดุรีไซเคิล: อิฐเบาอีโคแมทผลิตจากวัสดุรีไซเคิล เช่น เถ้าแกลบจากโรงไฟฟ้าชีวมวล ซึ่งเป็นการนำของเสียมาใช้ประโยชน์และลดปริมาณขยะ
  2. กระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: การผลิตอิฐเบาอีโคแมทไม่ต้องใช้พลังงานความร้อนสูงเหมือนการเผาอิฐทั่วไป จึงช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลพิษ
  3. ประหยัดพลังงาน: อิฐเบาอีโคแมทมีคุณสมบัติเป็นฉนวนความร้อนที่ดีเยี่ยม ช่วยลดการสูญเสียความเย็นภายในอาคาร ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการปรับอากาศ
  4. น้ำหนักเบา: อิฐเบามีน้ำหนักเบากว่าอิฐทั่วไป ทำให้ลดภาระโครงสร้างของอาคาร และสะดวกในการขนส่งและก่อสร้าง
  5. แข็งแรงทนทาน: แม้จะมีน้ำหนักเบา แต่อิฐเบาอีโคแมทก็มีความแข็งแรงทนทาน สามารถรับน้ำหนักได้ดี
  6. ก่อฉาบง่าย: อิฐเบาอีโคแมทมีผิวเรียบ ก่อฉาบง่าย ทำให้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง

สรุปแล้ว อิฐเบาอีโคแมทเป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและประโยชน์ใช้สอย สิ่งแวดล้อม: ใช้วัสดุรีไซเคิล กระบวนการผลิตสะอาด ประโยชน์ใช้สอย: ประหยัดพลังงาน น้ำหนักเบา แข็งแรงทนทาน ก่อฉาบง่าย

อิฐเบาอีโคแมทและอิฐมอญต่างก็เป็นวัสดุก่อสร้างที่นิยมใช้กัน แต่มีคุณสมบัติและข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไป การเลือกใช้อิฐชนิดใดจึงขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของแต่ละคน มาดูกันว่าทั้งสองชนิดนี้แตกต่างกันอย่างไรบ้าง

อิฐเบาอีโคแมท

ข้อดี:

  1. น้ำหนักเบา: ช่วยลดภาระโครงสร้างของอาคาร เหมาะสำหรับอาคารสูง
  2. ฉนวนกันความร้อนดีเยี่ยม: ทำให้บ้านเย็นสบาย ลดค่าใช้จ่ายในการปรับอากาศ
  3. เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลและกระบวนการผลิตที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ
  4. ก่อสร้างง่าย: ผิวเรียบ ก่อฉาบง่าย ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย

ข้อเสีย:

  1. ราคาสูงกว่าอิฐมอญ: เนื่องจากเป็นวัสดุนวัตกรรมและมีกระบวนการผลิตที่พิเศษ
  2. ความแข็งแรงอาจไม่เท่าอิฐมอญ: แม้จะแข็งแรงเพียงพอสำหรับการก่อสร้างบ้าน แต่หากต้องการความแข็งแรงเป็นพิเศษอาจต้องเสริมเหล็ก

อิฐมอญ

ข้อดี:

  1. ราคาถูก: เป็นวัสดุก่อสร้างที่หาซื้อได้ง่ายและมีราคาประหยัด
  2. ความแข็งแรงทนทาน: เหมาะสำหรับงานก่อสร้างที่ต้องการความแข็งแรงสูง
  3. หลากหลายรูปแบบ: มีให้เลือกหลายขนาดและสีสัน สามารถออกแบบให้เข้ากับสไตล์บ้านได้

ข้อเสีย:

  1. น้ำหนักมาก: ทำให้เพิ่มภาระโครงสร้างของอาคาร
  2. ฉนวนกันความร้อนไม่ดี: ทำให้บ้านร้อนง่าย ต้องใช้เครื่องปรับอากาศมากขึ้น
  3. ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: กระบวนการผลิตปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลพิษ
  1. ต้องการบ้านเย็นสบาย: อิฐเบาอีโคแมทเป็นตัวเลือกที่ดีในการลดความร้อนเข้าสู่ตัวอาคาร
  2. ต้องการประหยัดพลังงาน: การลดความร้อนภายในบ้านจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการปรับอากาศ
  3. ใส่ใจสิ่งแวดล้อม: อิฐเบาอีโคแมทผลิตจากวัสดุรีไซเคิลและกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  4. งบประมาณไม่จำกัด: เนื่องจากมีราคาสูงกว่าอิฐมอญ
  1. ต้องการบ้านที่แข็งแรงทนทาน: อิฐมอญมีความแข็งแรงสูง เหมาะสำหรับงานก่อสร้างที่ต้องการความแข็งแรงเป็นพิเศษ
  2. มีงบประมาณจำกัด: อิฐมอญมีราคาถูกกว่าอิฐเบาอีโคแมท
  3. ต้องการความหลากหลายในการออกแบบ: อิฐมอญมีให้เลือกหลายขนาดและสีสัน

อายุการใช้งานของอิฐเบาอีโคแมทนั้นค่อนข้างยาวนาน สามารถเทียบเคียงกับอิฐมอญได้เลย โดยเฉพาะเมื่อได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม ปัจจัยที่ส่งผลต่ออายุการใช้งาน ได้แก่

  1. คุณภาพของวัสดุ: อิฐเบาอีโคแมทที่ผลิตจากวัสดุคุณภาพดีและผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน จะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า
  2. สภาพแวดล้อม: สภาพอากาศที่รุนแรง เช่น ความชื้นสูง อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงบ่อย อาจส่งผลต่ออายุการใช้งานของอิฐได้
  3. การก่อสร้าง: การก่อสร้างที่ถูกต้องตามหลักวิศวกรรมจะช่วยให้อิฐเบาอีโคแมทมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น
  4. การดูแลรักษา: การดูแลรักษาอาคารอย่างสม่ำเสมอ เช่น การทาสี ป้องกันการรั่วซึม จะช่วยยืดอายุการใช้งานของอิฐได้

หลักฐานที่บ่งชี้ถึงอายุการใช้งาน:

  1. โครงการที่ใช้อิฐเบาอีโคแมท: ปัจจุบันมีโครงการก่อสร้างอาคารจำนวนมากที่ใช้อิฐเบาอีโคแมท และยังคงมีความแข็งแรงทนทานอยู่
  2. การรับประกัน: ผู้ผลิตอิฐเบาอีโคแมทหลายรายมอบการรับประกันคุณภาพผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นการยืนยันถึงความมั่นใจในอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์

สรุป:

ถึงแม้จะไม่มีข้อมูลที่แน่นอนตายตัวเกี่ยวกับอายุการใช้งานที่แน่นอนของอิฐเบาอีโคแมท แต่จากหลักฐานและข้อมูลที่มีอยู่ บ่งชี้ว่าอิฐเบาอีโคแมทมีอายุการใช้งานที่ยาวนานและมีความน่าเชื่อถือ สามารถใช้งานได้นานหลายสิบปี เมื่อเทียบกับวัสดุก่อสร้างชนิดอื่นๆ

คุณสมบัติเด่นที่ทำให้มั่นใจได้ว่าอิฐเบาอีโคแมทมีประสิทธิภาพในการกันความร้อนสูงนั้นมีดังนี้ค่ะ:

  1. โครงสร้างภายใน: อิฐเบาอีโคแมทมีโครงสร้างภายในที่เป็นรูพรุนเล็กๆ จำนวนมาก ซึ่งรูพรุนเหล่านี้จะช่วยลดการถ่ายเทความร้อนจากภายนอกเข้าสู่ภายในอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ภายในอาคารเย็นสบาย
  2. วัสดุที่ใช้ผลิต: วัสดุที่นำมาผลิตอิฐเบาอีโคแมทส่วนใหญ่เป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติในการเป็นฉนวนความร้อนอยู่แล้ว เช่น เถ้าแกลบ ซึ่งจะช่วยเสริมประสิทธิภาพในการกันความร้อนได้เป็นอย่างดี
  3. ค่าสัมประสิทธิ์การนำความร้อนต่ำ: ค่าสัมประสิทธิ์การนำความร้อนของอิฐเบาอีโคแมทต่ำกว่าอิฐมอญทั่วไปมาก ซึ่งหมายความว่าอิฐเบาอีโคแมทสามารถป้องกันการถ่ายเทความร้อนได้ดีกว่า ทำให้อุณหภูมิภายในอาคารคงที่
  4. ผลการทดสอบ: อิฐเบาอีโคแมทผ่านการทดสอบมาตรฐานสากล ซึ่งยืนยันถึงประสิทธิภาพในการกันความร้อนและฉนวนเสียง

หลักฐานที่ยืนยันประสิทธิภาพ:

  1. ข้อมูลจากผู้ผลิต: ผู้ผลิตอิฐเบาอีโคแมทมักจะมีข้อมูลทางเทคนิคที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการกันความร้อนของผลิตภัณฑ์ เช่น ค่าสัมประสิทธิ์การนำความร้อน ผลการทดสอบต่างๆ
  2. รีวิวจากผู้ใช้งาน: ผู้ที่เคยใช้งานอิฐเบาอีโคแมทมักจะให้ feedback เกี่ยวกับความเย็นสบายของภายในอาคารหลังจากที่ได้ติดตั้งอิฐชนิดนี้
  3. งานวิจัย: มีงานวิจัยหลายชิ้นที่ศึกษาและเปรียบเทียบประสิทธิภาพของอิฐเบาอีโคแมทกับวัสดุก่อสร้างชนิดอื่นๆ และผลการวิจัยส่วนใหญ่ยืนยันว่าอิฐเบาอีโคแมทมีประสิทธิภาพในการกันความร้อนสูงกว่า

สรุป:

อิฐเบาอีโคแมทเป็นวัสดุก่อสร้างที่ได้รับการออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพในการกันความร้อนสูง ด้วยโครงสร้างภายในที่เป็นเอกลักษณ์ วัสดุที่มีคุณสมบัติเป็นฉนวน และผลการทดสอบที่น่าเชื่อถือ ทำให้มั่นใจได้ว่าอิฐเบาอีโคแมทจะช่วยให้บ้านของคุณเย็นสบายและประหยัดพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งอิฐเบาอีโคแมทและอิฐมวลเบาต่างก็เป็นวัสดุก่อสร้างที่มีน้ำหนักเบา แต่มีคุณสมบัติและข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไป การเลือกใช้อิฐชนิดใดจึงขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของแต่ละคน มาดูกันว่าทั้งสองชนิดนี้แตกต่างกันอย่างไรบ้าง

อิฐเบาอีโคแมท 

ข้อดี:

  1. เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล เช่น เถ้าแกลบ
  2. ฉนวนกันความร้อนดีเยี่ยม: ช่วยลดการสูญเสียความเย็นภายในอาคาร ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการปรับอากาศ
  3. แข็งแรงทนทาน: สามารถรับน้ำหนักได้ดี
  4. ก่อสร้างง่าย: ผิวเรียบ ก่อฉาบง่าย

ข้อเสีย:

  1. ราคาสูงกว่าอิฐมวลเบา: เนื่องจากเป็นวัสดุนวัตกรรมและมีกระบวนการผลิตที่พิเศษ

อิฐมวลเบา

ข้อดี:

  1. น้ำหนักเบา: ช่วยลดภาระโครงสร้างของอาคาร
  2. ฉนวนกันความร้อนดี: ช่วยลดการสูญเสียความเย็นภายในอาคาร
  3. ราคาประหยัด: เมื่อเทียบกับอิฐเบาอีโคแมท

ข้อเสีย:

  1. ความแข็งแรงอาจไม่เท่าอิฐเบาอีโคแมท: อาจไม่เหมาะสำหรับงานก่อสร้างที่ต้องการความแข็งแรงสูง
  2. การดูดซับน้ำสูง: อาจทำให้เกิดปัญหาเรื่องความชื้นได้หากไม่ได้ใช้วัสดุกันซึมที่ดี

เมื่อไหร่ควรเลือกใช้อิฐเบาอีโคแมท

  1. ต้องการบ้านเย็นสบาย: อิฐเบาอีโคแมทมีประสิทธิภาพในการกันความร้อนสูงกว่า
  2. ใส่ใจสิ่งแวดล้อม: อิฐเบาอีโคแมทผลิตจากวัสดุรีไซเคิล
  3. ต้องการความแข็งแรงทนทาน: อิฐเบาอีโคแมทมีความแข็งแรงมากกว่าอิฐมวลเบา
  4. งบประมาณไม่จำกัด: เนื่องจากมีราคาสูงกว่าอิฐมวลเบา

เมื่อไหร่ควรเลือกใช้อิฐมวลเบา

  1. ต้องการบ้านที่เย็นสบายในระดับหนึ่ง: อิฐมวลเบาก็มีคุณสมบัติในการกันความร้อนได้ดี
  2. มีงบประมาณจำกัด: อิฐมวลเบาเป็นตัวเลือกที่ประหยัดกว่า
  3. ต้องการน้ำหนักเบา: อิฐมวลเบามีน้ำหนักเบาที่สุดในบรรดาอิฐก่อสร้าง

สรุป:

ทั้งอิฐเบาอีโคแมทและอิฐมวลเบาต่างก็มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน การเลือกใช้อิฐชนิดใดขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของแต่ละคน หากคุณให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและต้องการบ้านที่เย็นสบายที่สุด อิฐเบาอีโคแมทจะเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าคุณต้องการประหยัดงบประมาณและน้ำหนักเบา อิฐมวลเบาก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ

โดยทั่วไปแล้ว ทั้งอิฐเบาอีโคแมทและอิฐมวลเบาไม่ได้ถูกออกแบบมาให้กันน้ำได้ 100% เนื่องจากทั้งสองชนิดมีรูพรุนภายในเพื่อช่วยในการระบายอากาศและเป็นฉนวนกันความร้อน ทำให้สามารถดูดซับน้ำได้ในระดับหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องเปรียบเทียบกันระหว่างอิฐเบาอีโคแมทและอิฐมวลเบาในแง่ของการกันน้ำ อาจสรุปได้ดังนี้:

  • อิฐเบาอีโคแมท: โดยทั่วไปแล้ว อิฐเบาอีโคแมทจะมีความหนาแน่นของวัสดุมากกว่า ทำให้มีโอกาสดูดซับน้ำได้น้อยกว่าอิฐมวลเบาเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่สามารถป้องกันน้ำซึมผ่านได้ทั้งหมด
  • อิฐมวลเบา: เนื่องจากมีรูพรุนภายในมากกว่า ทำให้มีโอกาสดูดซับน้ำได้มากกว่าอิฐเบาอีโคแมท หากไม่ได้มีการเคลือบผิวหรือใช้วัสดุกันซึมเพิ่มเติม

ดังนั้น เพื่อให้ทั้งอิฐเบาอีโคแมทและอิฐมวลเบามีประสิทธิภาพในการกันน้ำมากขึ้น ควรมีการป้องกันเพิ่มเติม เช่น:

 

  1.  การฉาบปูน: การฉาบปูนด้วยปูนที่มีคุณสมบัติกันซึมจะช่วยปิดรูพรุนของอิฐและป้องกันน้ำซึมเข้าไปภายในผนัง
  2. การใช้แผ่นกันซึม: การติดตั้งแผ่นกันซึมบริเวณผนังด้านนอกหรือด้านใน จะช่วยป้องกันน้ำซึมเข้าสู่ผนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  3. การเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ: ควรเลือกใช้อิฐที่มีคุณภาพดี มีความหนาแน่นสูง และมีการผลิตที่ได้มาตรฐาน

สรุป:

ทั้งอิฐเบาอีโคแมทและอิฐมวลเบา ไม่ได้ออกแบบมาให้กันน้ำได้ 100%

อิฐเบาอีโคแมทโดยทั่วไปจะดูดซับน้ำได้น้อยกว่าอิฐมวลเบา

เพื่อให้ทั้งสองชนิดกันน้ำได้ดีขึ้น ควรมีการป้องกันเพิ่มเติม เช่น การฉาบปูน หรือการใช้แผ่นกันซึม

อิฐเบาอีโคแมท ไม่เพียงแต่เป็นวัสดุก่อสร้างที่ให้บ้านเย็นสบาย แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดปัญหาโลกร้อนอีกด้วย มาดูกันว่าอิฐชนิดนี้มีส่วนช่วยในการรักษาโลกของเราได้อย่างไรบ้าง

  1. ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล:

หลัก: อิฐเบาอีโคแมทผลิตจากวัสดุเหลือใช้ เช่น เถ้าแกลบจากโรงไฟฟ้าชีวมวล ซึ่งเป็นการนำของเสียมาใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า

ผลดี: ลดปริมาณขยะที่ต้องกำจัด ช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการผลิตวัสดุก่อสร้างใหม่

อิฐเบาอีโคแมทผลิตจากวัสดุรีไซเคิล 

  1. กระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม:

    หลัก: การผลิตอิฐเบาอีโคแมทไม่ต้องใช้พลังงานความร้อนสูงเหมือนการเผาอิฐทั่วไป ทำให้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และมลพิษทางอากาศ

    ผลดี: ช่วยลดภาวะโลกร้อนและมลพิษทางอากาศ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของปัญหาสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

  1. ประหยัดพลังงาน:

    หลัก: อิฐเบาอีโคแมทมีคุณสมบัติเป็นฉนวนความร้อนที่ดีเยี่ยม ช่วยลดการสูญเสียความเย็นภายในอาคาร ทำให้ไม่ต้องใช้พลังงานในการปรับอากาศมาก

    ผลดี: ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าในระยะยาว

  1. ลดผลกระทบจากการก่อสร้าง:

    หลัก: อิฐเบาอีโคแมทมีน้ำหนักเบา ทำให้การขนส่งและการก่อสร้างง่ายขึ้น ลดการใช้พลังงานและลดการปล่อยมลพิษจากการขนส่งวัสดุก่อสร้าง

    ผลดี: ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระหว่างกระบวนการก่อสร้าง

  1. ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน:

    หลัก: การผลิตอิฐเบาอีโคแมทบางประเภทอาจใช้พลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ หรือพลังงานลม

    ผลดี: ช่วยลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล และส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด

สรุป:

อิฐเบาอีโคแมทจึงเป็นวัสดุก่อสร้างที่ตอบโจทย์ทั้งในด้านประสิทธิภาพการใช้งานและการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเลือกใช้อิฐเบาอีโคแมทจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ไม่เพียงแต่ช่วยให้บ้านของคุณเย็นสบาย แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดปัญหาโลกร้อนและสร้างโลกที่ยั่งยืนให้กับคนรุ่นหลัง

อิฐเบาอีโคแมท ด้วยคุณสมบัติเด่นในเรื่องของการเป็นฉนวนกันความร้อน น้ำหนักเบา และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เหมาะสำหรับการก่อสร้างหลากหลายประเภท ดังนี้

  1. อาคารที่อยู่อาศัย:

    บ้านเดี่ยว: เหมาะสำหรับการก่อสร้างผนังภายนอกและภายใน ช่วยให้บ้านเย็นสบาย ประหยัดพลังงาน

    คอนโดมิเนียม: เหมาะสำหรับการก่อสร้างผนังภายใน ช่วยลดเสียงรบกวนและควบคุมอุณหภูมิภายในห้อง

    ทาวน์เฮาส์: เหมาะสำหรับการก่อสร้างผนังที่ต้องการความแข็งแรงและฉนวนกันความร้อนที่ดี

  1. อาคารพาณิชย์:

    สำนักงาน: ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการปรับอากาศ ทำให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    โรงแรม: ช่วยให้ห้องพักเย็นสบายและเงียบสงบ เพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้า

    ห้างสรรพสินค้า: ช่วยลดการสูญเสียความเย็นภายในอาคาร ทำให้ประหยัดพลังงาน

  1. อาคารอุตสาหกรรม:

    โรงงาน: เหมาะสำหรับการก่อสร้างผนังที่ต้องการความแข็งแรงและทนทานต่อสภาพแวดล้อม

    โกดังสินค้า: ช่วยควบคุมอุณหภูมิภายในโกดังให้เหมาะสมกับการเก็บรักษาสินค้า

เหตุผลที่ควรเลือกใช้อิฐเบาอีโคแมทในการก่อสร้าง

  1.  ประหยัดพลังงาน: ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการปรับอากาศ
  2.  ลดเสียงรบกวน: ช่วยให้ภายในอาคารเงียบสงบ
  3. เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลและกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  4. ก่อสร้างง่าย: น้ำหนักเบา ก่อฉาบง่าย
  5. แข็งแรงทนทาน: มีความแข็งแรงเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป

สรุป:

อิฐเบาอีโคแมทเป็นวัสดุก่อสร้างที่ตอบโจทย์ความต้องการในการก่อสร้างอาคารหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นอาคารที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชย์ หรืออาคารอุตสาหกรรม การเลือกใช้อิฐเบาอีโคแมทจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าทั้งในด้านประสิทธิภาพการใช้งานและการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม